ฉันเกิดมาในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ค่อนข้างไปทางจน พ่อกับแม่ทำงานรับจ้าง ฉันมีพี่น้อง 3 คน เป็นลูกคนที่ 2 ครอบครัวเราไม่มีบ้านเราอาศัยอยู่ที่แคมป์คล้ายๆแคมป์คนงานก่อสร้าง แต่พ่อกับแม่ฉันไม่ได้ทำงานก่อสร้างนะ ทำเฟอร์นิเจอร์อยู่ในโรงงานข้างๆกับที่พัก
พ่อฉันเป็นคนขี้เมา เมามาทีไรก็ตบตีแม่ฉัน ตอนเด็กๆฉันไม่เคยช่วยแม่ได้เลย แม่บอกกับฉันเสมอทุกครั้งที่โดนตี แม่จะไม่อยู่ แม่จะไม่ทน แม่หนีไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่พ่อก็ตามแม่กลับมาได้ทุกที ตอนนั้นฉันยังเด็กมาก ฉันไม่เข้าใจหรอกว่าทำใม แต่ฉันจำได้ว่า........ฉันเคยกอดขาแม่ ขอร้องไม่ให้แม่ไปจากฉัน ฉันไม่อยากอยู่กับพ่อ แม่ไม่สนใจฉันเลยแม้แต่น้อย ฉันร้องไห้จนไม่มีน้ำตา
แม่กลับมาอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวอีกครั้งคราวนี้แม่ขายของไปด้วย ทำงานไปด้วย แต่หยุดเสาร์-อาทิตย์ ฉันเองตอนนั้นเรียนอยู่ ป.2 รับผิดชอบงานบ้านทุกอย่างช่วยแม่ทำของไปขายตอนนั้นขายน้ำส้มแก้วละ 5 บาทกับลูกชิ้นย่างไม้ละ 5 บาท ถ้าเป็นเสาร์-อาทิตย์ เราจะทำข้าวกล่องแล้วขี่มอไซด์ไป 2 แม่ลูกตะเวนขายตามหมู่บ้านจัดสรรแถวนั้น
วันไปโรงเรียนฉันจะนำของเล่นที่คนรู้จักหรือญาติให้มาบ้างไปขายที่โรงเรียน บางที่ก็มีพวงกุญแจเซรามิกเล็กๆขายอันละ 5 บาท มันเป็นความประทับใจที่ฉันไม่เคยลืมเลยมีวันหนึงที่ฉันเอาพวงกุญแจไปขายเยอะมาก แม่ไม่ได้ให้เงินไปกินโรงเรียนให้แต่พวงกุญแจไป ฉันก็ได้แต่คิดในใจว่าจะขายได้รึป่าวน้า?ฉันเองก็เป็นคนขี้อายคนหนึงไม่ค่อยพูดค่อยจาอะไรกับใคร แต่ฉันมีเพื่อนสนิทอยู่ 4 คนหนึงในนั้นเธอมาโรงเรียนแต่เช้าฉันถามเธอว่า แกซื้อพวงกุญแจเราไหมแล้วก็คักออกมา
เธอบอกว่า เห้ย สวยจัง มะไปขายกันแล้วเราก็เดินขายตั้งแต่ห้องฉัน ป. 1 - ป.6 หมดเกลี้ยง วันนั้นฉันไปเงินไป200 กว่าบาท ระหว่างเดินทางกลับบ้านก็นึกถึงแม่ว่าวันนี้แม่ต้องดีใจมากๆแน่เลยเน๊อะ ได้เงินมาตั้ง 200 ซื้อกับข้าวได้ด้วยแหละ
ชีวิตเราต่อมาก็ไม่ได้ขายของแล้วฉันไม่รู้หรอกว่าเพราะอะไร แต่ต่อมาเราไม่หาเก็บของเก่งหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ฉันลืมบอกไปว่าตอนนั้นพี่สาวฉันเริ่มโตเป็นสาวแล้วมีหนุ่มมาติดมากจึงไม่ค่อยเอาการเอางาน ส่วนน้องยังเด็กมากสัก 4 ขวบได้ ฉันจึงเป็นคนเดียวที่พอจะแบ่งเบาภาระพ่อแม่ได้
แม่ให้ฉันไปทำงานร้านขายก๋วยเตี๊ยวแต่ เค้าก็ไม่ได้จ้างประจำนะ แค่ช่วยล้างจานได้วันละ 20 บาท ต่อมาฉันก็ได้ไปทำงานร้านขายโทรศัพท์ช่วยเค้ายกของได้บ้าง ทำงานบ้านให้เค้าบ้าง เพราะตอนนั้นฉันยังเด็กมากจริงๆ สัก ป.5 ได้แล้วละ ได้วันละ 70 บาทเลิก 2 ทุ่ม พอมีเงินไปโรงเรียนแล้วให้แม่ได้ ไปกินโรงเรียน 10 บาทให้แม่ 60 ทำตั้งแต่หลังเลิกเรียนเป็นต้นไป ทำได้เกือบปีฉันก็ทนนิสัยแย่ของหลานเจ้าของเร้านไม่ได้ รุ่นเดียวกันเลย เค้าชอบพูดดูถูกฉันสารพัด แต่ฉันก็อดทนไม่เคยเล่าให้แม่ไม่สบายใจเลย
หลังจากนั้นเราก็ไปขายของกันที่ตลาดนัดขายพวกจาน ชามเซรามิกรับมาจากโรงงานฉันต้องนั่งรถเมย์ไปคนเดียวเพื่อไปรับจานชามมาขาย มันหนักมากจริงๆแต่ฉันไม่เคยบ่น ไม่เคยทำให้แม่ต้องเสียใจเพราะฉัน ฉันเห็นแม่ต้องเสียใจเพราะพี่สาวฉันมามากแล้ว ฉันสงสารแม่ พ่อก็ยังคงทะเลาะและตบตีแม่อยู่เรื่อยๆ มีอยู่หลายต่อหลายครั้งที่เตะยกครอบครัวแม่ก็พยายามปกป้องเรา 3 คนแต่ก็โดนอยู่ดี ตอนนั้นฉันเกลียดพ่อมาก ฉันไม่เคยมีความรู้สึกว่าเค้าเป็้นพ่อเราเลย
ฉันอดทนและคิดว่าอยากจะเรียนสูงๆ มีงานทำดีๆแม่กับน้องจะได้ไม่ลำบากแบบทุกวันนี้ ฉันอยากเรียนมหาลัยดีๆ ตอนนั้นฉันดูมาจากละครน่ะ
และแล้วฉันก็จบป.6 โรงเรียนที่ฉันเรียนอยู่ตอนนั้นเป็นโรงเรียนอิสลามของรัฐบาลเลยไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรมาก ไม่งั้นพ่อคงไม่ให้พวกเราเรียนแน่ๆ แต่ประเด็นคือมันมีถึงแค่ ป.6 ถ้าจะไปเรียนต่อ ม.1 จะไกลออกไปเดินไปไม่ได้ต้องนั่งรถ 2 แถว ค่าใช้จ่ายก็ไม่เยอะมากหรอก แต่มันเยอะสำหรับครอบครัวฉันที่พ่อไม่รับผิดชอบอะไรมีแต่แม่เท่านั้นที่รับผิดชอบพวกเราอยู่ แค่มีกินไปวันๆไม่ได้มีตังค์เก็บอะไร
เดี๋ยวมาต่อนะค่ะ
ชีวิตจริง ไม่ใช่เรื่องแต่ง ไม่ได้ดราม่า แต่มัน คือ ชีวิตของผู้หญิงอย่างฉัน
พ่อฉันเป็นคนขี้เมา เมามาทีไรก็ตบตีแม่ฉัน ตอนเด็กๆฉันไม่เคยช่วยแม่ได้เลย แม่บอกกับฉันเสมอทุกครั้งที่โดนตี แม่จะไม่อยู่ แม่จะไม่ทน แม่หนีไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่พ่อก็ตามแม่กลับมาได้ทุกที ตอนนั้นฉันยังเด็กมาก ฉันไม่เข้าใจหรอกว่าทำใม แต่ฉันจำได้ว่า........ฉันเคยกอดขาแม่ ขอร้องไม่ให้แม่ไปจากฉัน ฉันไม่อยากอยู่กับพ่อ แม่ไม่สนใจฉันเลยแม้แต่น้อย ฉันร้องไห้จนไม่มีน้ำตา
แม่กลับมาอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวอีกครั้งคราวนี้แม่ขายของไปด้วย ทำงานไปด้วย แต่หยุดเสาร์-อาทิตย์ ฉันเองตอนนั้นเรียนอยู่ ป.2 รับผิดชอบงานบ้านทุกอย่างช่วยแม่ทำของไปขายตอนนั้นขายน้ำส้มแก้วละ 5 บาทกับลูกชิ้นย่างไม้ละ 5 บาท ถ้าเป็นเสาร์-อาทิตย์ เราจะทำข้าวกล่องแล้วขี่มอไซด์ไป 2 แม่ลูกตะเวนขายตามหมู่บ้านจัดสรรแถวนั้น
วันไปโรงเรียนฉันจะนำของเล่นที่คนรู้จักหรือญาติให้มาบ้างไปขายที่โรงเรียน บางที่ก็มีพวงกุญแจเซรามิกเล็กๆขายอันละ 5 บาท มันเป็นความประทับใจที่ฉันไม่เคยลืมเลยมีวันหนึงที่ฉันเอาพวงกุญแจไปขายเยอะมาก แม่ไม่ได้ให้เงินไปกินโรงเรียนให้แต่พวงกุญแจไป ฉันก็ได้แต่คิดในใจว่าจะขายได้รึป่าวน้า?ฉันเองก็เป็นคนขี้อายคนหนึงไม่ค่อยพูดค่อยจาอะไรกับใคร แต่ฉันมีเพื่อนสนิทอยู่ 4 คนหนึงในนั้นเธอมาโรงเรียนแต่เช้าฉันถามเธอว่า แกซื้อพวงกุญแจเราไหมแล้วก็คักออกมา
เธอบอกว่า เห้ย สวยจัง มะไปขายกันแล้วเราก็เดินขายตั้งแต่ห้องฉัน ป. 1 - ป.6 หมดเกลี้ยง วันนั้นฉันไปเงินไป200 กว่าบาท ระหว่างเดินทางกลับบ้านก็นึกถึงแม่ว่าวันนี้แม่ต้องดีใจมากๆแน่เลยเน๊อะ ได้เงินมาตั้ง 200 ซื้อกับข้าวได้ด้วยแหละ
ชีวิตเราต่อมาก็ไม่ได้ขายของแล้วฉันไม่รู้หรอกว่าเพราะอะไร แต่ต่อมาเราไม่หาเก็บของเก่งหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ฉันลืมบอกไปว่าตอนนั้นพี่สาวฉันเริ่มโตเป็นสาวแล้วมีหนุ่มมาติดมากจึงไม่ค่อยเอาการเอางาน ส่วนน้องยังเด็กมากสัก 4 ขวบได้ ฉันจึงเป็นคนเดียวที่พอจะแบ่งเบาภาระพ่อแม่ได้
แม่ให้ฉันไปทำงานร้านขายก๋วยเตี๊ยวแต่ เค้าก็ไม่ได้จ้างประจำนะ แค่ช่วยล้างจานได้วันละ 20 บาท ต่อมาฉันก็ได้ไปทำงานร้านขายโทรศัพท์ช่วยเค้ายกของได้บ้าง ทำงานบ้านให้เค้าบ้าง เพราะตอนนั้นฉันยังเด็กมากจริงๆ สัก ป.5 ได้แล้วละ ได้วันละ 70 บาทเลิก 2 ทุ่ม พอมีเงินไปโรงเรียนแล้วให้แม่ได้ ไปกินโรงเรียน 10 บาทให้แม่ 60 ทำตั้งแต่หลังเลิกเรียนเป็นต้นไป ทำได้เกือบปีฉันก็ทนนิสัยแย่ของหลานเจ้าของเร้านไม่ได้ รุ่นเดียวกันเลย เค้าชอบพูดดูถูกฉันสารพัด แต่ฉันก็อดทนไม่เคยเล่าให้แม่ไม่สบายใจเลย
หลังจากนั้นเราก็ไปขายของกันที่ตลาดนัดขายพวกจาน ชามเซรามิกรับมาจากโรงงานฉันต้องนั่งรถเมย์ไปคนเดียวเพื่อไปรับจานชามมาขาย มันหนักมากจริงๆแต่ฉันไม่เคยบ่น ไม่เคยทำให้แม่ต้องเสียใจเพราะฉัน ฉันเห็นแม่ต้องเสียใจเพราะพี่สาวฉันมามากแล้ว ฉันสงสารแม่ พ่อก็ยังคงทะเลาะและตบตีแม่อยู่เรื่อยๆ มีอยู่หลายต่อหลายครั้งที่เตะยกครอบครัวแม่ก็พยายามปกป้องเรา 3 คนแต่ก็โดนอยู่ดี ตอนนั้นฉันเกลียดพ่อมาก ฉันไม่เคยมีความรู้สึกว่าเค้าเป็้นพ่อเราเลย
ฉันอดทนและคิดว่าอยากจะเรียนสูงๆ มีงานทำดีๆแม่กับน้องจะได้ไม่ลำบากแบบทุกวันนี้ ฉันอยากเรียนมหาลัยดีๆ ตอนนั้นฉันดูมาจากละครน่ะ
และแล้วฉันก็จบป.6 โรงเรียนที่ฉันเรียนอยู่ตอนนั้นเป็นโรงเรียนอิสลามของรัฐบาลเลยไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรมาก ไม่งั้นพ่อคงไม่ให้พวกเราเรียนแน่ๆ แต่ประเด็นคือมันมีถึงแค่ ป.6 ถ้าจะไปเรียนต่อ ม.1 จะไกลออกไปเดินไปไม่ได้ต้องนั่งรถ 2 แถว ค่าใช้จ่ายก็ไม่เยอะมากหรอก แต่มันเยอะสำหรับครอบครัวฉันที่พ่อไม่รับผิดชอบอะไรมีแต่แม่เท่านั้นที่รับผิดชอบพวกเราอยู่ แค่มีกินไปวันๆไม่ได้มีตังค์เก็บอะไร
เดี๋ยวมาต่อนะค่ะ